Search
Close this search box.

Luxury Portfolio International เผยแพร่รายงานสถานะอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู ประจำปี 2022

ผู้ขายอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วโลก ผู้ซื้อบางรายแสดงความกลัวว่าตนเองจะตกกระแส (FOMO) และความยั่งยืน ‘มีความสำคัญอย่างยิ่ง’ สำหรับผู้ซื้อที่ร่ำรวยทั่วโลก

รายงานฉบับล่าสุดประกอบด้วยข้อมูลจากกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด 1-5% แรกใน 20 ประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรที่ร่ำรวยเกือบ 32 ล้านครัวเรือน

นิวยอร์ก, Dec. 03, 2021 (GLOBE NEWSWIRE) — Luxury Portfolio International® (LPI) ซึ่งเป็นเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยระดับหรูชั้นนำระดับโลก มีความยินดีที่จะนำเสนอ รายงานสถานะอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู ประจำปี 2022 (State of Luxury Real Estate Report หรือ SOLRE) การศึกษาดังกล่าวประกอบด้วยข้อมูลจากกลุ่มบุคคลที่มีรายได้สูงสุด 1% ถึง 5% แรกใน 20 ประเทศ และกล่าวถึงหัวข้อต่าง ๆ ที่สำคัญสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยระดับหรูทั่วโลก

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ รายงานของ LPI แสดงให้เห็นเทรนด์ที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องในเกี่ยวกับการซื้อบ้านซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 และยังคงดำเนินต่อไปตลอดปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูยังคงสูงอยู่ โดยคาดว่าราคาจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป ในขณะที่อุปทานยังคงต่ำกว่าอุปสงค์ บ้านระดับหรูสำหรับครอบครัวเดี่ยวยังคงจำหน่ายหมดโดยใช้เวลา “เพียงไม่กี่ชั่วโมง” และความยั่งยืน “มีความสำคัญอย่างยิ่ง” (66%) สำหรับการพิจารณาซื้อบ้านในอนาคต

นอกจากนี้การศึกษายังชี้ให้เห็นว่าผู้ขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยที่ร่ำรวยมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยในบรรดาผู้ซื้อบ้านระดับหรู ผู้ซื้อส่วนใหญ่ (74%) ต่างรู้สึกมั่นใจเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจส่วนบุคคล ในขณะที่ผู้ซื้อ 75% ยังคงมีความกังวลเป็นอย่างมากว่าอำนาจการใช้จ่ายตามอำเภอใจของตนเองอาจได้รับผลกระทบในไม่ช้า

แม้จะมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ในปี 2022 จะดำเนินไปอย่างรวดเร็วต่อไป แต่ก็มีสัญญาณว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยระดับหรูจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยหลีกเลี่ยงความยุ่งยากของตลาดที่ร้อนแรงในระยะยาว

จากผลการศึกษาในหัวข้อต่าง ๆ ในมุมกว้างเกี่ยวกับครัวเรือนที่ร่ำรวยทั่วโลกโดย Luxury Portfolio International® (LPI) พบว่าผู้ซื้อบ้านระดับหรูถึง 75% จะเลือกซื้อบ้านหลังต่อไปโดยเน้นเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และในช่วงปลายปี 2021 ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยระดับหรูจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์

Mickey Alam Khan ประธานกรรมการบริหารของ LPI กล่าวว่า “หลังจากปีที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์ เราคาดว่าตลาดจะเข้าสู่ภาวะสมดุล” “เราจะต้องพิจารณาตลาดระดับหรูในช่วงระยะเวลาหลายปี พร้อมคำนึงถึงว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2020 นั้น ตลาดอยู่ในภาวะชะงักงันเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด ตลาดเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2021 และจะยังคงเติบโตต่อไปในปี 2022 ความแตกต่างก็คือในปี 2022 จะมีผู้ขายระดับหรูเพิ่มขึ้นมากกว่าในปี 2021 และถึงแม้จะมีผู้ซื้อระดับหรูจำนวนน้อยลงก็ตาม แต่นี่ก็ยังเป็นตลาดของผู้ขาย สถานการณ์โรคระบาดที่รุนแรงซึ่งผลักดันให้เราอยู่ในภาวะตลาดที่ร้อนแรงเกินไปกำลังกลับสู่ภาวะปกติ อุปสงค์จะยังคงแข็งแกร่ง และอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูจะเริ่มเข้าสู่สภาวะตลาดแบบปกติในรูปแบบใหม่ที่มีเสถียรภาพในปี 2022″

จากการศึกษาพบว่า ในขณะนี้ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างสำหรับบ้านระดับหรู และผู้ซื้อยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อคุณสมบัติและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะช่วยให้ตนเองสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ผู้ตอบแบบสำรวจถึง 75% ระบุว่าตนเองเลือกซื้อบ้านหลังต่อไปโดยคำนึงถึงความยั่งยืน โดยผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนถึง 90% ตอบ “ใช่” ว่าตนคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหนึ่งในปัจจัยในการหาซื้อบ้านสำหรับชีวิตในอนาคต จากการศึกษาพบว่า การหาซื้อบ้านสำหรับ “ชีวิตในอนาคต” เกิดขึ้นกับผู้ที่ต้องย้ายบ้านเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับครอบครัวให้มากขึ้น เนื่องจากการศึกษาของบุตรหลาน การย้ายงาน และปัจจัยอื่น ๆ เพื่อลดความยุ่งยาก

ผู้ที่สนใจเรื่องความยั่งยืนเป็นปัจจัยหลักในการซื้อบ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 71% ที่จะมองว่าบ้านที่ซื้อนั้นเป็นมรดกตกทอดที่จะส่งต่อไปยังทายาทของตนเอง นอกจากนี้ เนื่องจากมีความสนใจเรื่องความยั่งยืนเพิ่มขึ้น คุณภาพของผู้ซื้อก็ดีขึ้นด้วยซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ขาย โดยที่ผู้ซื้อดังกล่าวต้องการทำธุรกรรมให้เร็วขึ้นและมีงบประมาณที่สูงขึ้น

ความกลัวว่าจะตกกระแส (Fear of Missing Out หรือ FOMO) คือความรู้สึกวิตกกังวลว่าในขณะปัจจุบันอาจมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นหรือน่าสนใจเกิดขึ้นในที่อื่น ๆ โดยมักถูกกระตุ้นจากการได้อ่านโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากการอยู่บ้านตลอดหนึ่งปี และพาดหัวข่าวที่ส่งผลให้เกิดสภาวะตลาดที่ร้อนแรง ทำให้ FOMO กลายเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับผู้ซื้อระดับหรูจำนวนถึง 26% FOMO เกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ โดยรูปแบบแรกคือช่วงเวลาที่ “ตกกระแส” อย่างแท้จริงเนื่องจากราคาเพิ่มสูงขึ้นจนไม่อาจซื้อได้ ข้อกังวลประการที่สองซึ่งมีผลกระทบพอ ๆ กันก็คือ การจัดการด้านการเงินสำหรับการซื้อสินค้าชิ้นสำคัญ

แม้ว่าโรคโควิด-19 จะยังคงเป็นข้อกังวลสำคัญ แต่ผลการศึกษาพบว่าตลาดได้เผชิญกับผลกระทบส่วนใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งแนวโน้มสำคัญที่สุดสำหรับอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูก็คือ การหาซื้อบ้านที่สามารถตอบสนองครอบครัวที่ทำงานจากที่บ้านได้

และถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ผลการศึกษาก็ยังพบว่าผู้ซื้อบ้านระดับหรูจำนวนมากเหนื่อยหน่ายกับการทำงานที่บ้าน การศึกษาพบว่าผู้ซื้อระดับหรู 27% กล่าวว่าการทำงานจากที่บ้านเป็น ‘ข้อกังวลที่สำคัญ’ การทำงานระยะไกล และความวุ่นวายใจและความเครียดจากการอยู่บ้านยังคงมีบทบาทสำคัญสำหรับกระบวนการตัดสินใจซื้อ

ผู้ซื้อที่กังวลเรื่องการลดความเครียดจากสภาพแวดล้อมในการทำงานจากที่บ้านกล่าวถึงการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น ความบันเทิงที่บ้าน สถานที่เที่ยวกลางคืนที่อยู่ใกล้เคียง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น สปา/อ่างน้ำร้อน ค็อกเทลขนาดพิเศษ และห้องพิเศษสำหรับสื่อและการเล่นเกมโดยเฉพาะ

นอกจากนี้การวิจัยดังกล่าวยังมีผลการศึกษาเพิ่มเติมดังนี้

  • ชนชั้นที่ร่ำรวยทั่วโลกยังคงให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในทุกระดับที่มีราคาเพิ่มขึ้น 33% ในแต่ละปี แน่นอนว่าในช่วงสิ้นปี 2021 จะยังคงมีผู้ที่ยังคงหาซื้อบ้านต่อไป ส่งผลให้ปี 2022 ยังคงเป็นอีกปีที่อสังหาริมทรัพย์ระดับหรูยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
  • ครัวเรือนที่ร่ำรวยกว่า 14 ล้านครัวเรือนยังคงสนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัย โดยมี 6.4 ล้านครัวเรือนที่จัดเป็นผู้ซื้อระดับหรู นอกจากนี้เจ้าของบ้านระดับหรูอีก 1.2 ล้านคนยังสนใจที่จะขายบ้านในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 32% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว แน่นอนว่าการประเมินข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจดังกล่าว
  • ปัจจัยที่เกิดขึ้นร่วมกันเหล่านี้แสดงว่าราคาทั่วโลกจะมีเสถียรภาพและตลาดจะอยู่ในภาวะปกติในปี 2022 และปีต่อ ๆ ไป จำนวนผู้ที่จะซื้อและผู้ที่จะขายซึ่งเคยแตกต่างกันเป็นอย่างมาก (ผู้ซื้อ 10.3 ล้านราย และผู้ขาย 4.0 ล้านราย) จะเข้าสู่ภาวะสมดุลอย่างเหมาะสม (ผู้ซื้อ 6.4 ล้านราย และผู้ขาย 5.2 ล้านราย)
  • แนวโน้มอุปทานของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยทั่วโลกจะยังคงเติบโตในปี 2022 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อยู่ในตลาดเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยภายในสิ้นปี 2022 เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2021 เป็น 39% ในปี 2022 สำหรับยุโรป และจาก 30% ในปี 2021 เป็น 37% ในปี 2022 สำหรับเอเชีย/แปซิฟิก ผู้ตอบแบบสำรวจจากตะวันออกกลาง 46% โดยเฉพาะผู้บริโภคจากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสนใจมากที่สุดที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นยังคงกระจายการถือครองทรัพย์สินของตนเองอย่างต่อเนื่อง ที่อเมริกาเหนือมีการเติบโตเพียงเล็กน้อยจาก 21% ในปี 2021 เป็น 25% ในปี 2022
  • เจ้าของบ้านระดับหรูกำลังเริ่มต้องการขายบ้าน การสร้างบ้านใหม่เกิดความล่าช้าเนื่องจากปัญหาด้านสินค้าและบริการ จึงทำให้ผู้สนใจในบ้านที่สร้างเสร็จแล้วเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เจ้าของบ้านอาจไม่ได้อยู่ในตลาดเพื่อขายบ้านในปีที่แล้ว ดังนั้นปัญหาบ้านขาดตลาดจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาสูงขึ้นในตลาดระดับหรูส่วนใหญ่ ส่วนในปัจจุบันดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านระดับหรูจะเชื่อมั่นว่าตลาดมีความต้องการสูง จึงมีผู้สนใจที่จะขายบ้านเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า (28% จากเดิม 11%) ที่จริงแล้วเจ้าของบ้านถึง 71% เชื่อว่าบ้านของตนเองจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ต้องการขายบ้าน โดยเฉลี่ยแล้วเจ้าของบ้านระดับหรูคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% เมื่อเทียบกับ 3-4% ในปีที่ผ่านมา
  • ในทางจิตวิทยา ตลาดยังคงเป็นของผู้ขาย แต่ในทางปฏิบัติ เราคาดการณ์ว่าอัตราส่วนของผู้ซื้อและผู้ขายจะมีความสมดุลมากขึ้นในอีกหลายปีต่อจากนี้ ในขณะที่ผู้บริโภคที่ร่ำรวยเข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัย แต่ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับหรูกลับลดลง 58% ในปี 2021 (จากเดิม 34% ลดลงเหลือ 20% ของผู้บริโภคที่ร่ำรวยทั้งหมด) แต่ในทางกลับกัน จำนวนผู้ขายระดับหรูกลับเพิ่มขึ้นถึง 26% (เพิ่มขึ้นเป็น 16% จากเดิม 13% ของผู้บริโภคที่ร่ำรวยทั้งหมด) ซึ่งทำให้ตลาดค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะสมดุล
  • แม้ว่าการระบาดของโรคโควิดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนออกไปอยู่นอกเมือง แต่การวิจัยพบว่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยที่หรูหราใจกลางเมืองก็ยังคงเป็นที่นิยมเช่นเดิม ผู้ซื้อระดับทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่ง (55%) คาดว่าจะซื้อบ้านหลังต่อไปในเมือง และ 77% จะซื้อบ้านที่สามารถเดินทางไปกลับเช้าเย็นได้ สิ่งสำคัญก็คือ ผู้ซื้อระดับหรูในเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านใจกลางเมืองมากกว่าผู้ซื้อในภูมิภาคอื่นของโลกอย่างเห็นได้ชัด
  • ความนิยมบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในอเมริกาเหนือ การวิจัยพบว่าบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดย 40% ของผู้ซื้อในยุโรป/ตะวันออกกลาง และ 29% ของผู้ซื้อในเอเชียแปซิฟิกกำลังมองหาบ้านระดับหรูที่มีพื้นที่และความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทนี้เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากโดยรวมแล้วผู้ซื้อระดับหรูสนใจเรื่องพื้นที่สำหรับใช้งานร่วมกันน้อยลงเรื่อย ๆ อเมริกาเหนือยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทนี้เพิ่มขึ้น
  • ผู้ซื้อกลุ่มใหม่ที่ต้องการซื้อบ้านหรูซึ่งมีราคาไม่สูงมากเริ่มเข้าสู่ตลาด จากบรรดาผู้บริโภคที่ร่ำรวยทั้งหมด ผู้ที่สนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มชนชั้นกลางระดับบนซึ่งชะลอการซื้อเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด หรือผู้ที่มีความต้องการซื้อและมีกำลังซื้อในขณะนี้ ดังนั้นจึงทำให้ผู้ซื้อบ้านระดับหรูราคาเริ่มต้นในช่วง 1-1.9 ล้านเหรียญสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 44% จากเดิม 39% ผลกระทบจากการที่ผู้คนจำนวนต้องการซื้อบ้านระดับหรูนี้เห็นได้เด่นชัดที่สุดในอเมริกาเหนือ ส่วนในเอเชียแปซิฟิก และยุโรป/ตะวันออกกลางจะมีจำนวนน้อยกว่า เนื่องจากชนชั้นที่ร่ำรวยมักจะเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่มีความมั่งคั่งสูงมาก

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม และต้องการอ่านรายงาน กรุณาคลิกที่นี่: สถานะของอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู ประจำปี 2022

ข้อมูลเกี่ยวกับ LUXURY PORTFOLIO INTERNATIONAL® (LPI)
Luxury Portfolio International (luxuryportfolio.com) เป็นเครือข่ายชั้นนำของนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียร์ลักซูรีของโลกและตัวแทนชั้นนำของบริษัทเหล่านี้ โดยให้บริการที่เป็นเลิศในด้านการตลาดและข้อมูลเชิงลึกทั่วโลก บริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทระดับหรูของ Leading Real Estate Companies of the World® ซึ่งเป็นเครือข่ายบริษัทอสังหาริมทรัพย์อิสระชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วยบริษัท 550 แห่ง และพนักงานขาย 150,000 คน ใน 70 ประเทศ ในปีที่ผ่านมา สมาชิกของเครือข่ายนี้ทำให้เกิดธุรกรรมทั่วโลกกว่า 1.3 ล้านครั้ง LPI มีลูกค้าทั่วโลกจากกว่า 200 ประเทศ/ดินแดนในทุก ๆ เดือน และทำการตลาดให้กับบ้านระดับหรูกว่า 50,000 หลังต่อปี Well Connected.™

ที่มา: Luxury Portfolio International®

ดาวน์โหลดภาพประกอบข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ได้ที่ https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/cc7a46a4-e6fd-43f9-91e6-834f31b75e8e

อ่านข่าวฉบับ PDF ได้ที่ https://ml.globenewswire.com/Resource/Download/3c08ae81-d703-4faf-8ea2-dc5c9c70ed7e 

ติดต่อ: pr@luxuryportfolio.com